วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

สวยใสไร้รอยฝ้า


สาวคนไหน ๆ ก็อยากหน้าใสทั้งน้าน แต่ถ้าสาวใดเริ่มมีใบหน้าหมองคล้ำ ดำเป็นปื้น เนื่องจากฝ้าคงสร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจให้ไม่น้อย

ฝ้า เกิดจากผิวหน้าโดนแสงแดดที่ร้อนแรงแผดเผา การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายจากการใช้ยาคุมกำเนิด หรือระหว่างตั้งครรภ์ โดยทำให้ผิวหนังมีการสร้างเม็ดสีมากกว่าปกติ ฝ้ามักจะเป็นบริเวณที่ถูกแสงแดดมาก เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม ดั้งจมูก ฯลฯ

การใช้ยารักษาฝ้าที่มีขายทั่วไปค่อนข้างเสี่ยงอันตรายเหมือนกัน เพราะบางชนิดมีส่วนผสมของสารปรอท ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายมากทีเดียว ดังนั้นมาใช้สมุนไพรจากธรรมชาติดีกว่า แม้จะได้ผลช้า แต่ก็ปลอดภัย


สมุนไพรแก้ฝ้าที่น่ารู้จัก

  1. เอาหัวผักกาดหั่นเป็นแว่นบางๆ ทาถูบริเวณที่เป็นฝ้าให้ทั่ว ทิ้งไว้สัก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเช้า-เย็น ฝ้าจะค่อยๆ จางลง
  2. ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าตอนเช้า และก่อนนอนทุกวัน ทาทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออก
  3. ใช้มะขามเปียก 1 กำมือ เอารกออกแล้วล้างน้ำให้สะอาด ผสมกับนมสด 2 ช้อนโต๊ะขยำให้เข้ากัน (ถ้าข้นเกินให้เติมน้ำลงไป) นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง หลังจากนั้นเติมนำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะคนให้เข้ากัน แล้วนำครีมมะขามเปียกที่ได้มาทาให้ทั่วใบหน้า โดยบริเวณที่เป็นฝ้าให้ทานานหน่อย ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที จึงล้างออก ครีมมะขามสูตรนี้สามารถเก็บใส่ภาชนะที่สะอาด แล้วเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 1 เดือน
  4. แกะเปลือกดำของเมล็ดบานเย็นออกไป เอาแต่ผงแป้งสีขาวข้างในมาบดขยี้เบาๆ ก็จะแตกเป็นผงละเอียด ใส่ตลับเก็บไว้สำหรับทาหน้าได้ หรือจะผสมน้ำสะอาดนิดหน่อยเวลาทาก็ได้ แป้งขาวของเมล็ดบานเย็นช่วยบำรุงผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นอ่อนนุ่ม เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหน้า
  5. นำแตงกวาฝานบางๆ แล้วแช่ในนมสดประมาณ 10 นาที จากนั้นเอามาแปะบนใบหน้า ทำก่อนนอนทิ้งไว้ทั้งคืน รุ่งเช้าล้างออก
ฝ้าที่เกิดจากการตั้งครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิดอาจหายเองได้ภายหลังคลอด หรือหลังจากหยุดใช้ยาคุมกำเนิด แต่ต้องใช้ระยะเวลานานหน่อย

การรักษาฝ้านั้นอย่าใจร้อนหมั่นทำเป็นประจำอย่าท้อแท้ ฝ้าที่อยู่ตื้นๆ มักรักษาได้ผลดี แต่ฝ้าที่อยู่ลึกอาจได้ผลช้าหรือไม่ได้ผลเลย ฉะนั้นต้องเผื่อทำใจไว้ด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก :

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น